RSS

อบหน่อไม้เห็ดหอม




ส่วนผสม


หน่อไม้3หน่อ
เห็ดหอม 12 ดอก
น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ

เครื่องปรุง เกลือ 1/2ช้อนชา

ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ

ชูรส 1/2 ช้อนชา

น้ำตาล 1/2ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ


1.ปอกเปลือกหน่อไม้ หั่นส่วนที่แก่ออก หน่อนึ่งฝาเป็น 2 ส่วน นำลงต้ม 20 นาที ตักขึ้นแช่ในน้ำเย็น แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆหนา1ซม.

2.ล้างเห็ดหอมให้สะอาดตัดโคนออก แช่น้ำสะอาด 2 ชม. แล้วหั่นเป็น 2 ชิ้น (หรือจะใช้ทั้งดอกเลยก็ได้)

3.ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ผัดหน่อไม่ด้วยไฟแรง 3นาที ตักใส่จานเสิร์ฟได้




สารอาหารสำคัญ


โปรตีน 16.8 กรัม

ไขมัน 59.1 กรัม

คาร์โบไฮเดรต 33.4 กรัม

โซเดียม 3500มิลลิกรัม

กากใย 6.1กรัม

พลังงานความร้อน 732.7 แคลอรี

ไก่อบหอมใหญ่


เครื่องปรุง

เนื้ออกไก่ไม่เอาหนัง 80 กรัม
หอมใหญ่ซอยบางตามขวาง 50 กรัม
มะเขือเทศหั่นหยาบ 1 ลูก
ผักชีฝรั่ง (pasley) สับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
สับปะรดหั่นชิ้น 5 ชิ้น
ออริกาโน 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนชา
น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา
ผักสด เช่น ผักกาดหอม แตงกวา มะเขือเทศ

วิธีทำ

1. ล้างไก่ พักให้สะเด็ดน้ำ ใส่อ่างผสมไว้
2. ใส่เกลือ พริกไทย ออริกาโน ซอสปรุงรส น้ำมันมะกอก คลุกเคล้าให้เข้ากัน นำไก่มาหมักไว้ 20 นาที
3. วางไก่ที่หมักลงในหม้ออบ โรยหอมใหญ่ข้างบน โรยมะเขือเทศ ผักชีฝรั่ง นำเข้าเตาอบ อบไฟ 300 องศาฟาเรนไฮต์ พอสุกเหลือง เอาออกจากเตา ตักใส่จาน รับประทานกับผักสดและสับปะรด
คุณค่าทางอาหาร

อาหารที่รับประทานแล้วไม่อ้วน เป็นอาหารพลังงานต่ำก็จริง แต่มิได้หมายความว่าใส่น้ำมันไม่ได้เลย เพราะการใส่น้ำมันนี้ทำให้อาหารมีสารอาหารหลากหลาย โดยใส่ในปริมาณที่ร่างกายต้องการ เท่านั้นถ้าใส่มากเกินไปน้ำมันก็กลายเป็นศัตรูตัวร้ายเลยทีเดียว และน้ำมันนี้ต้องเลือกเป็นน้ำมันพืชที่มีกรดไขมันที่จำเป็นสูงจะดีส่อสุขภาพ น้ำมันเหล่านี้ยังทำให้อาหารมีความนุ่มอร่อย "ไก่อบหอมใหญ่" กินกับข้าว หรือขนมปังได้ทั้งนั้น แล้วแต่ความชอบ ถ้าเป็นข้าวที่ไม่ขัดสีจนขาวอย่าง ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ และขนมปังถ้าเป็นโฮลวีทก็ยิ่งดี เพราะมีวิตามินสูง เส้นใยมากร่างกายยัง ใช้พลังงานในการย่อยมากกว่าข้าวขาว กินก็อิ่มเร็วอิ่มนาน ไม่อ้วน เมื่อกินกับข้าวกล้องสุก 1/2 ถ้วย หรือขนมปังโฮลวีท 1 แผ่น จะได้พลังงานเพิ่มอีก 70 แคลอรี อาหารมื้อนี้จึงมีพลังงานประมาณ 210 แคลอรี พอเหลือแคลอรีสำหรับกินผลไม้ได้อีก อย่างส้มก็กินได้ 1 ลูก มะละกอ และสับปะรดก็กินประมาณ 6 ชิ้นเล็ก ซึ่งได้พลังงาน 40 แคลอรี รวมพลังงานมื้อนี้ประมาณ 250 แคลอรี

แกงเลียงข้าวโพด


เครื่องปรุง




ข้าวโพดฝานเอาเมล็ด 1 1/2 ถ้วย

กุ้งแชบ๊วย 5 ตัว

กุ้งแห้งโขลก 2 ช้อนโต๊ะ

บวบหั่นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย

ฟักทองหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย

แมงลักเด็ดเป็นใบ 1/4 ถ้วย

หอมแดงซอย 1/4 ถ้วย

พริกไทยเม็ด 5 เม็ด

น้ำปลาดี 2 ช้อนโต๊ะ

กะปิ 2 ช้อนชา

น้ำซุปไก่ 2 1/2 ถ้วย


วิธีทำ


1. โขลกหอมแดง พริกไทย กุ้งแห้ง กะปิ เข้าด้วยกันให้ละเอียด

2. ล้างกุ้ง แกะเปลือก เด็ดหัวไว้หาง ชักเส้นดำออก

3. ใส่น้ำซุปลงในหม้อ ตั้งไฟพอเดือด ใส่เครื่องที่โขลกในข้อ 1 คนให้ทั่ว

4. ใส่ข้าวโพดลงในหม้อ เคี่ยวพอข้าวโพดสุก ใส่ฟักทอง บวบ พอผักสุก ใส่กุ้ง

5. ปรุงรสด้วยน้ำปลา ใส่ใบแมงลัก คนพอทั่ว ตักใส่ชาม เสิร์ฟร้อนๆ

คุณค่าของอาหาร

1. ข้าวโพด มีวิตามินเอ และเส้นใยอาหารมาก แก้อาการปัสสาวะลำบาก บำรุงกระเพาะ
2. กุ้ง เพิ่มน้ำนม
3. บวบ บำรุงธาตุ บำรุงน้ำดี
4. แมงลัก แก้ท้องผูก
5. หอมแดง เป็นยาช่วยขับลมในลำไล้ ใช้แก้หวัด
6. พริกไทย แก้โรคปอดบวมในท้อง

หมายเหตุ อาหารจานนี้ ไม่เพียงมีโคลีนที่ได้จากข้าวโพดเท่านั้น ยังได้แคลเซียมจากกะปิสารลูตินและซีแซนตินในพริกไทย ซึ่งสารซีแซนตินนี้จะช่วยป้องกันความเสื่อมของเนื้อเยื่อดวงตาและถ้ากินแกงเลียงถ้วยนี้แล้ว ก็รับรองว่าช่วยไล่หวัดได้อย่างดีอีกด้วย

แกงจืดเห็ด



เห็ด นำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ทำแกงจีด ต้มยำ ผัดเห็ด ยำเห็ด ข้าวต้ม ฯลฯ เห็ดทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น เห็ดหูหนู เห็ดหอม เห็ดนางฟ้า เห็ดเหล่านี้นับว่ามีคุณค่าทางโภชนาการ มีประโยชน์ต่อร่างกาย เราเป็นอย่างมาก ธาตุอาหาร มีอยู่ในเห็ด โดยรวมแล้วก็จะมี สารอาหารประเภท วิตามินเอ วิตามินบี2 น้ำ โปรตีน ฯลฯ นอกจากนี้เห็ดยังมีคุณสมบัติป้องกันโรคกระดูกอ่อน ใช้บำรุงสำหรับคนมีโลหิตน้อย เป็นยาอายุวัฒนะ บรรเทาอาการไข้หวัด ลดไขมันในเส้นเลือดได้ แต่เห็ดนั้นก็ยังมีผลเสียคือ ถ้าเกิดกินเห็ดพิษเข้าไป ก็อาจจะต้องเสียชีวิตได้ และคนที่เป็นอีสุกอีใสก็ ห้ามกินเห็ดทุกชนิด ดังนั้นจึงควรเลือกกินเห็ดอย่างระวัง



ส่วนประกอบ


1.รากผักชี
2. กระเทียม
3. พริกไทย
4. แตงกวา
5. เห็ดหอม
6. หอมใหญ่
7. ซีอิ้วขาว
8. ตั้งฉ่าย



วิธีทำแกงจืดเห็ด


1. นำ กระเทียม พริกไทย รากผักชี ไปผัดกับน้ำมันให้หอม ใส่ตั้งฉ่ายลงไป
2. ตักส่วนผสมที่ผัดไว้แล้วใส่หม้อ เติมน้ำร้อนพอประมาณ ใส่พุทธาจีน ที่คว้านเอาเมล็ดออก ต้มสักพักหนึ่ง
3. พอเดือด ใส่เห็ดหอมที่หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ลงไป ถ้ามีเห็ดหูหนูดำก็ใส่ลงไปด้วย
4. นำหอมใหญ่ (หั่น 4 ส่วน) ใส่ลงไป พร้อมกับใส่แตงกวา
5. ชิมรสชาติและปรุงรสตามชอบ และรอให้น้ำเดือดจึงยกลง

สรรพคุณของอาหารจานนี้คือ


รากผักชี จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ถอนพิษ และบำรุงกระเพาะอาหาร
กระเทียม บำรงกระเพาะอาหาร ระงับไอ ขจัดเสมหะ ป้องกันท้องอืด แก้โรคหลอดเลือดอุดตัน
แตงกวา มีวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินดี แก้ร้อนใน รักษาอาการไอ ขับปัสสาวะ
เห็ดหอม แก้อาเจียน ป้องกันโรดเลือดแข็งตัว แก้ขัดเบา แก้มะเร็งในกระเพาะอาหาร
เห็ดหูหนูดำ ช่วยลดความดันโลหิต มีสารต้านมะเร็ง มีวิตามินช่วยในการดูดซึม
พุทธาจีน แก้ผอมแห้งแรงน้อย แก้อาการนอนไม่หลับ แก้โลหิตจาง

สลัดผักสีทอง


ส่วนประกอบ

ผักกาดแก้ว ผักกาดหอม ใบคะน้า ใบหยิก พริกหวานเขียว,แดง และเหลือง มะเขือม่วงลูกใหญ่ สับปะรดเห็ดหอมสด ซูกินี หอมใหญ่ มะเขือเทศดอยคำเลือกห่ามๆ แตงกวาญี่ปุ่น เห็ดเป๋าฮื้อ ซอสมะเขือเทศมายองเนสรสเปรี้ยว แป้งทอดกรอบ แป้งสาลี น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำ

1. ผักกาดแก้ว ผักกาดหอม ใบคะน้า ใบหยิก ล้างนำเด็ดเป็นใบๆ ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ มะเขือม่วงหั่นเป็นแผ่นแช่นำผสมนำมะนาวเพื่อป้องกันการดำ พริกหวานเขียว,แดง และเหลืองหั่นเป็นแว่น ซูกินีหั่นเป็นแผ่นหอมใหญ่หั่นเป็นแว่นตามขวาง มะเขือเทศดอยคำหั่นเป็นแว่นตามขวาง เห็ดหอมเลือกดอกกลางๆ เห็ดเป๋าฮื้อฉีกเป็นแผ่น
2. นำผักต่างๆ คลุกแป้งสาลีแห้งก่อนแล้วนำไปจุ่มในแป้งทอดกรอบที่ผสมไว้ค่อนข้างข้น แล้วนำไปทอดให้เหลืองกรอบ ทอดผักทีละชิ้น วางให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานเสริร์ฟกับแตงกวาญี่ปุ่น สับปะรดซอสมะเขือเทศ และน้ำมายองเนส

ประโยชน์

เป็นอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ ต้านการเป็นโรคมะเร็งในปริมาณที่สูง และยังช่วยในการชำระร่างกายโดยการกำจัดสารพิษที่ตกค้างในร่างกาย

เต้าหู้ทอดราดตะไคร้ใบสะระแหน่



เครื่องปรุงสำหรับเต้าหู้ทอด


เต้าหู้ขาวชนิดอ่อน (2 แพ็ค) 600 กรัม
เกลือ 1 ช้อนชา
พริกไทยเม็ดขาว 1 ช้อนชา
แป้งข้าวโพด 1 ถ้วยตวง
น้ำมันมะกอกสำหรับทอด


วิธีทำเต้าหู้ทอด


1. หั่นเต้าหู้เป็นชิ้นขาว ชิ้นละ 3 ซม. ล้างแล้ววางบนกระดาษซับน้ำให้แห้งสักพัก
2. ตั้งกระทะให้ร้อน ใช้ไฟปานกลาง ใส่เกลือและเม็ดพริกไทยขาววางลงไปคั่ว
ประมาณ 5 นาทีหรือจนกลายเป็นสีน้ำตาล เพื่อให้มีกลิ่นหอมมากขึ้นตักขึ้น
พักไว้ให้เย็นนำไปปั่นหรือตำให้ละเอียด
3. ใส่น้ำมันมะกอกในกระทะ กะปริมาณให้ท่วมชิ้นเต้าหู้รอให้ร้อนจัด
4. นำเต้าหู้ที่ได้มาแล้วคลุกกับแป้งข้าวโพด ให้แป้งจับเต้าหู้เพียงบาง แล้วนำ
ลงทอดจนเต้าหู้สุกเป็นสีน้ำตาลตักขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมันให้แห้ง
5. นำเต้าหู้ทอดใส่ชามใหญ่โรยเกลือและพริกไทยที่บดไว้ให้ทั่วราดหน้าด้วย
น้ำตะไคร้ใบสะระแหน่ก่อนเสิร์ฟ


เครื่องปรุงสำหรับน้ำราดตะไคร้ ใบสะระแหน่

กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้หั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าเม็ดใหญ่ซอยเป็นเส้น 1 เม็ด
ใบสะระแหน่สับละเอียด 1/4 ถ้วย
น้ำตาลปี๊ป 3 ช้อนชา
น้ำมันมะกอก 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา



วิธีทำน้ำราดตะไคร้ ใบสะระแหน่


1. ใส่กระเทียมสับ น้ำมะนาว ตะไคร้หั่น พริกชี้ฟ้าหั่น ใบสะระแหน่และน้ำตาลปี๊ปลงในชามแล้วคลุกให้เข้ากัน
2. เทน้ำมันมะกอกลงในกระทะตั้งไฟให้ร้อนจัดแล้วราดน้ำมันลง
ในชามส่วนผสมที่คลุกให้เข้ากันพักไว้สำหรับราดเต้าหู้


สรรพคุณ


อาหารชนิดนี้มีคุณค่าต่อร่างกายเนื่องจากมีส่วนผสมจากพืชสมุนไพร คือ
ตะไคร้ ช่วยขับลม ใบสะระแหน่ช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ

ยำใบบัวบก



วิธีทำ


1. ผสมหมู กุ้ง กับน้ำยำเข้าด้วยกัน ใส่ใบบัวบกเคล้าเบาๆ
2.ใส่ถั่วลืสงเคล้าพอเข้ากัน ตักใส่จาน
3.โรยด้วยพริกชี้ฟ้าแดงหั่นฝอย หอมเจียว


เครื่องปรุง


ใบบัวบกล้างหั่นฝอย 1 1/2 ถ้วย (200 กรัม)
เนื้อกุ้งนึ่งหั่นบางๆ 1/4 ถ้วย (50 กรัม)

ถั่วลิสงคั่วโขลกพอแตก 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)

หอมแดงเจียว 2 ช้อนโต๊ะ (20 กรัม)

เนื้อหมูนึ่งหั่นบางๆ 1/4 ถ้วย (50 กรัม)

มะพร้าวขูดคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม)

พริกชี้ฟ้าแดงหั่นฝอย 1 เม็ดเล็ก (5 กรัม)


น้ำปรุงน้ำยำ


พริกแห้งเผาหรือคั่วโขลกละเอียด2 ช้อนชา (10 กรัม)

กระเทียมเผาหรือคั่วโขลกละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม)

น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)

น้ำตาลปีบ 1 ช้อนโต๊ะ (15 กรัม)

น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)


คุณค่าทางโภชนาการ (สำหรับ 1 คน)


พลังงาน 107.06 กิโลแคลอรี

คาร์โบไฮเดรต 9.49 กรัม

โปรตีน 7.13 กรัมแคลเซียม 87.81 มิลลิกรัม

ไขมัน 4.81 กรัม

ฟอสฟอรัส 98.66 มิลลิกรัม

คุณค่าทางยาและสมุนไพร


แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า ขับปัสสาวะ
คุณค่าทางภูมิปัญญาและศิลปวัฒนธรรม
ใบบัวบกมีรสเผ็ด ขม และมัน เมื่อมาผสมกับน้ำยำ 4 รส ทำให้รสชาติของใบบัวบกดีขึ้น